• 최종편집 2022-12-30(금)

ภาษาไทย
Home >  ภาษาไทย

실시간뉴스
  • เมื่อผ่านไป 14 วันนับตั้งแต่การฉีดวัคซีนในประเทศ จะได้รับการยกเว้นการกักตัวเมื่อกลับเข้ามาใหม่หลังจากออกนอกประเทศ
    มีความสนใจมากขึ้น ว่าชาวต่างชาติที่กลับเข้ามาในเกาหลี หลังจากไปเยือนประเทศบ้านเกิดหลังการฉีดวัคซีนแล้ว จะได้รับการยกเว้น การกักตัวหรือไม่   ได้รับการยกเว้นการกักตัวภายหลังการฉีดวัคซีน ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนหมายถึง บุคคลที่ได้รับวัคซีนผ่านไปแล้ว 14 วัน หลังจากเสร็จสิ้นการฉีดวัคซีนครั้งที่ 2 ของวัคซีนที่ต้องฉีด 2 ครั้ง หรือ 14 วันหลังจากได้รับวัคซีนที่ฉีดเพียงครั้งเดียว หากไปเยือนประเทศบ้านเกิดหลังจากได้รับการฉีดวัคซีนแล้วกลับเข้ามาในประเทศเกาหลี อีกครั้ง เกณฑ์สำหรับการยกเว้นการกักตัวคือ เมื่อผ่านไปแล้ว 2 สัปดาห์นับตั้งแต่การฉีดวัคซีนเสร็จสิ้น ณ วันที่เข้าประเทศหรือไม่   เป็นไปตามมาตรฐานใหม่ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ดังนั้น หากฉีดวัคซีนครบเข็มที่ 2 ในวันที่ 1 กันยายน และกลับไปเยือนบ้านเกิด หลังจากนั้นกลับเข้าเกาหลีอีกครั้งในวันที่ 16 กันยายน จะได้รับการยกเว้นการกักตัว อย่างไรก็ตาม หากเข้าประเทศก่อนวันที่ 15 จำเป็นต้องกักตัว   วิธีการพิสูจน์การฉีดวัคซีนทำได้อย่างไร? มี 3 วิธีในการพิสูจน์การฉีดวัคซีนของตนเอง ได้แก่ ▲ออนไลน์ ▲โทรศัพท์มือถือ▲และสติ๊กเกอร์บัตรประจำตัว *สำหรับวิธีการออนไลน์ ให้เข้าไปที่เว็บไซต์ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (https://nip.kdca.go.kr/irgd/civil.do?MnLv1=1)หลังจากนั้นเข้าสู่ระบบ,ยืนยันตนเอง,หลังจากนั้นพิมพ์ ใบรับรองแบบกระดาษ   ‚วิธีการใช้โทรศัพท์มือถือ สามารถทำได้โดยใช้แอปพลิเคชัน ‘COOV’ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี ƒสำหรับวิธีการติดสติกเกอร์ที่บัตรประจำตัว สามารถไปที่ ตำบล.เขตการปกครอง.แขวง ศูนย์สวัสดิการบริหาร และรับสติกเกอร์รับรองการฉีดวัคซีนและสามารถออกใบรับรองแบบกระดาษได้ด้วย   ทำการทดสอบ PCR หรือไม่? ผู้ที่เข้าประเทศหลังจากเดินทางออกนอกประเทศจะต้องผ่านการทดสอบวินิจฉัยการขยายตัวของยีน (PCR) ทั้งหมด 3 ครั้ง แม้กระทั่งผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนในเกาหลี เพื่อเป็นมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของการติดเชื้อที่ไม่มีอาการ จำนวนการตรวจ วินิจฉัยจึงเพิ่มขึ้นจาก 2 เป็น 3 ครั้ง   ดังนั้น ชาวต่างชาติที่ประสงค์จะเข้าเกาหลีจะต้องผ่านการทดสอบ PCR ก่อนเข้าประเทศเกาหลี และส่งใบรับรองการทดสอบที่สนามบิน เมื่อเดินทางมาถึง และรับการทดสอบครั้งที่ 2 ที่ศูนย์สาธารณสุขในท้องถิ่น ภายใน 1 วันหลังจากเข้าประเทศ และจะต้องผ่านการทดสอบ ครั้งที่ 3 อีกครั้ง ในวันที่ 6 ~7 หลังจากเข้าประเทศแล้ว จำเป็นต้องรอที่บ้านจนกว่าจะได้รับการยืนยันผลเป็นลบ และแอพฯกักตัวที่ติดตั้ง ในตอนเข้าประเทศจะต้องถูกลบหลังจากได้รับการยืนยันผลเป็นลบโดยสมบูรณ์   แม้ว่าจะให้การยืนยัน PCR ผลเป็นลบ เมื่อเข้าประเทศ แต่อาจถูกเปลี่ยนแปลงเป็นบุคคลที่ได้รับการยืนยันการติดเชื้อในทันที หากการทดสอบ ภายใน 1 วันหลังจากเข้าประเทศและในวันที่ 6 ถึง 7 ผลเป็นบวก การตรวจสอบแบบธรรมดาได้รับการยืนยันผลเป็นลบ 3 ครั้ง การกักตัวจะถูก ยกเลิกหลังเวลา 12.00 น. ของวันถัดไป 14 วัน หลังจากวันที่เข้าประเทศ   ควอน จุนอุก หัวหน้าสถาบันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวเมื่อวันที่ 27 ว่า "เพื่อความสะดวกของผู้เข้าเดินทางเข้าประเทศและเพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพในการบริหาร เกณฑ์การยกเว้นการกักตัวจะเปลี่ยนเป็นผู้ที่เข้าประเทศเกาหลี 2 สัปดาห์หลังจากการฉีดวัคซีนเสร็จสิ้น จะช่วยเสริมการปิดกั้นการแพร่เชื้อในชุมชนที่เกิดจากผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการโดยการเพิ่มการทดสอบ PCR ในวันแรก หลังจากเข้าประเทศ เพื่อระบุผู้ติดเชื้อในระยะเริ่มต้น”  김은혜 기자
    • ภาษาไทย
    • วีซ่า
    2021-09-02
  • “บุตรของผู้อาศัยชาวต่างชาติก็สามารถได้รับเงินค่าโดยสารสำหรับเยาวชน”
    <자료 경기도>   <한국어 http://www.danews.kr/news/view.php?no=6589 >   คยองกีโด กำลังรับสมัคร 'โครงการช่วยเหลือเงินค่าโดยสารสำหรับเยาวชนในช่วงครึ่งแรกของปี 2021' ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 16 สิงหาคม 'โครงการช่วยเหลือเงินค่าโดยสารสำหรับเยาวชน' นั้น ได้นำเข้าโครงการนี้เพื่อบรรเทาภาระค่าโดยสารของเยาวชน อายุ 13-23 ปีในคยองกีโด ซึ่งมีความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ, เนื่องจากราคาค่าโดยสารในจังหวัดที่เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2019 การช่วยเหลือเงินค่าโดยสารในครั้งนี้ ประกอบด้วยรูปแบบการคืนเงินค่าโดยสารผ่านทางบัตรเงินสดท้องถิ่น ในวงเงินสูงสุด 60,000 วอน(120,000 วอนต่อปี)  ตามการใช้จ่ายจริงให้กับเยาวชนที่ใช้รถบัสคยองกี(ในเมือง/หมู่บ้าน) ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายนของปีนี้ เส้นทางการจราจรที่เป็นเป้าหมายในการช่วยเหลือ ได้แก่ รถโดยสารประจำทางในคยองกีโด (ปกติ, เมืองใหญ่, Mบัส, รอบเมืองคยองกี) และรถบัสในหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังช่วยเหลือครอบคลุมไปถึงการใช้รถไฟฟ้า(รถไฟฟ้าใต้ดิน)และรถบัสอินชอน•โซล/อินชอน และการเปลี่ยนรถภายใน 30 นาทีก่อนและหลังการใช้รถบัสในเมือง•หมู่บ้านคยองกีโด (ภายในเวลา 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 21:00 น.จนถึง 7:00 น. ของวันถัดไป ) สามารถสมัครขอรับเงินช่วยเหลือ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 16 สิงหาคม เพียงแค่ลงทะเบียนสมาชิก 'ทางโฮมเพจ การช่วยเหลือเงินค่าโดยสารสำหรับเยาวชนในคยองกีโด (www.gbuspb.kr)' อันดับแรก ในการสมัครสมาชิกใหม่จะต้องลงทะเบียนใบรับรองสาธารณะเพื่อยืนยันการอาศัยอยู่ในจังหวัด หลังจากนั้นลงทะเบียน "หมายเลขบัตรเงินสดท้องถิ่น" เพื่อขอรับเงินคืน และ "หมายเลขบัตรโดยสาร" ที่ใช้งานอยู่                      สำหรับสมาชิกเดิมที่เข้าร่วมมานานกว่า 10 เดือน หลังจากล็อคอิน หากบัตรเงินสดท้องถิ่นของบัตรโดยสารไม่มีปัญหาอะไร สามารถสมัครใหม่ได้โดยการยืนยันที่อยู่ผ่านทางใบรับรองสาธารณะ เพียงแต่ในกรณีที่มีการใช้บัตรโดยสารใหม่อันเนื่องมาจากการสูญหาย และอื่นๆ เช่น การเพิ่มเติมข้อมูลในบัตรที่ลงทะเบียบ(บัตรโดยสาร) หรือการแก้ไข(บัตรเงินสดท้องถิ่น) สำหรับสมาชิกที่เข้าร่วมน้อยกว่า 10 เดือน ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบที่อยู่ผ่านใบรับรองสาธารณะ  'หมายเลขบัตรโดยสาร'แบบสองระบบนั้น สามารถลงทะเบียนกับบัตรโดยสารแบบเติมเงิน (T-money, cashbee ฯลฯ) หรือสามารถลงทะเบียนบัตรโดยสารแบบรายเดือนภายใต้ชื่อตนเอง ไม่สามารถสมัครบัตรโดยสารแบบรายเดือนโดยใช้ชื่อของบุคคลอื่นหรือชื่อของพ่อแม่ได้ ต้องสมัคร 'หมายเลขบัตรเงินสดท้องถิ่น' โดยใช้ชื่อตนเอง,เด็กอายุ 13 ปีที่ไม่มีบัตรเงินสดท้องถิ่นหรือ เยาวชนที่มีปัญหาในการออกบัตรเงินสดท้องถิ่นเนื่องจากไม่มีโทรศัพท์มือถือที่เป็นชื่อของตนเอง สามารถสมัครได้โดยใช้หมายเลขบัตรเงินสดท้องถิ่นของเจ้าบ้านหรือของพ่อแม่ คยองกีโดต้องการให้เยาวชนจำนวนมากได้รับผลประโยชน์ จึงได้ดำเนินการผ่านทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาคยองกี ให้จัดส่งข้อมูลข่าวสารโรงเรียนผ่านทางโทรศัพท์โดยมีเนื้อหาของวิธีการสมัครอยู่ในนั้น, และกำลังดำเนินกิจกรรมประชาสัมพันธ์โดยใช้ G-Bus TV, โฮมเพจของจังหวัด•เมือง•อำเภอ, บล็อก, SNS และติดป้ายประกาศบนถนนสายหลัก เป็นต้น การจ่ายค่าโดยสารสำหรับเยาวชนนั้นจะพิจารณาจากเกณฑ์การลงทะเบียนบัตรในทะเบียบบ้าน ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นบุตรของผู้อาศัยชาวต่างชาติหรือบุตรของคู่สมรสชาวต่างชาติ ที่ร้องขอให้บันทึกการลงทะเบียนบัตรในทะเบียบบ้านแต่ละครัวเรือน ก็สามารถรับเงินได้  นอกเหนือจากการช่วยเหลือสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมนั้นสามารถตรวจสอบได้ที่โฮมเพจ การช่วยเหลือค่าโดยสารสำหรับเยาวชนคยองกีโด (www.gbuspb.kr), หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่การช่วยเหลือค่าโดยสารสำหรับเยาวชนคยองกีโด คอลเซ็นเตอร์(1577-8459)
    • ภาษาไทย
    • ข้อมูลการใช้ชีวิต
    2021-08-07
  • ผู้อาศัยชาวต่างชาติที่อยู่ในจุดบอดของสวัสดิการสังคม ,จะมองข้ามกันไปถึงเมื่อไหร่
    <사진 경기글로벌센터>   <한국어 http://www.danews.kr/news/view.php?no=6582 >   จุดบอดด้านสวัสดิการสังคม จะเล่าถึงความเป็นจริงที่น่าละอายในยุคที่มีผู้ย้ายถิ่น 2 ล้านคน ลองพิจารณาดูอีกครั้งเกี่ยวกับปัญหาผู้อาศัยชาวต่างชาติที่อยู่ในจุดบอดของสวัสดิการสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาคนไร้บ้านชาวต่างชาติใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน เป็นต้น ในปี 2019 ที่ผ่านมา ป้าคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของบ้านให้เช่าแก่ชาวต่างชาติใน แดซานดง จังหวัดบูชอน มาที่ศูนย์ของเราและขอร้องให้ช่วยเหลือ มีชาวต่างชาติที่อยู่บ้านคนเดียวและไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ตามปกติ ถ้าเป็นอย่างนั้นต่อไป ถ้าเขาเสียชีวิตจะทำอย่างไร จึงได้ไปขอความช่วยเหลือที่สำนักสวัสดิการและศูนย์ให้บริการประชาชนประจำหมู่บ้าน แต่ว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบกล่าวว่า “น่าเสียดาย เพราะเป็นชาวต่างชาติจึงไม่มีทางช่วยได้” จากนั้นพวกเขาก็พิมพ์แผนที่ของศูนย์โกลบอลคยองกีให้ และบอกให้ลองไปที่นั่นดู  ดังนั้นหลังจากที่ได้ฟังเรื่องจากป้าเจ้าของบ้านเล่าตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว ก็รีบเข้าไปยังสถานที่เกิดเหตุในทันที ในบ้านหลังนั้นมีนายยูนโม (ชาย,อายุ 62 ปี) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชาติชาวจีนที่อาศัยอยู่ตามลำพัง,เนื่องจากโรคหลอดเลือดสมองอุดตันจึงทำให้ขาไม่สามารถใช้งานได้  ศูนย์โกลบอล      คยองกีได้ระดมทุนฉุกเฉินในทันทีและมอบเงิน 1.27 ล้านวอนในรอบแรก หลังจากนั้นประมาณสามเดือน ก็ช่วยเหลือเงินอีก 570,000 วอน แต่เนื่องจากไม่สามารถที่จะช่วยเหลือต่อได้อีก จึงได้ติดต่อไปที่สำนักสวัสดิการและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ศาลากลางจังหวัดรับรู้แล้ว หลังจากนั้นก็ไม่สามารถให้ความสนใจได้อีก                                                                                         หลังจากนั้นประมาณเดือนมีนาคม ปี 2020 เขาโทรมาอีกครั้ง และพูดว่า"ช่วยด้วย" ซ้ำไปมาอยู่หลายครั้ง  แต่ว่าในขณะที่พูดถึงสถานการณ์ขององค์กรเรา ก่อนที่จะวางสายเราได้พูดขึ้นว่า "ได้โปรดขอความช่วยเหลือจากสถานที่อื่นที่แจ้งไปแล้ว" หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อเขาอีก แต่เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ในสถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งเกี่ยวกับปัญหาคนไร้ที่อยู่ชาวจีน ได้เห็นรูปแบบและการตอบสนองของหน่วยงานราชการ ทำให้นึกถึงเพื่อนร่วมชาติชาวจีนใน แดซานดง ในปี 2019  จึงได้โทรสอบถามกับป้าเจ้าของบ้านเช่าเพื่อสอบถามดูว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นก็ทราบว่าเพื่อนร่วมชาติชาวจีน นายยูนโม ได้เสียชีวิตแล้วในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา                                                        ในตอนนั้นผมรู้สึกช็อกเป็นอย่างมาก ราวกับว่าผมได้ฆ่าเขาให้ตายอย่างงั้น                                                                                            เมื่อประมาณเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตอนที่ได้รับโทรศัพท์ ที่บอกว่า "ได้โปรดช่วยด้วย" หากในตอนนั้นได้ไปหาเขาและตรวจดูอาการของเขาอีกครั้งและดำเนินการบางอย่าง เขาคงไม่เสียชีวิตเร็วขนาดนี้  ผมได้แนะนำเขาให้กับศาลากลางจังหวัดและสำนักงานสวัสดิการสังคมท้องถิ่นไปแล้วจึงคิดว่า 'คงไม่น่าจะมีอะไร' แต่เมื่อผมได้ยินเรื่องราวจากป้าเจ้าของบ้านเช่าเล่าว่า "ทางองกรค์ได้นำอาหารและของกินอื่นๆไปให้อยู่หลายครั้ง แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย คาดว่าเขาน่าจะอดตาย"   ถึงแม้จะมีสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แต่เพื่อนร่วมชาติชาวจีนที่ไร้ที่อยู่ ตามสถานีรถไฟใต้ดินก็ยังไม่สามารถหาที่ไปได้   ในที่สุดศูนย์โกลบอลคยองกี ได้แนะนำให้พวกเขาเหล่านั้น ได้รับการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลท้องถิ่นในวันที่ 21 และในวันที่ 22 พวกเขาได้รับการตรวจ MRI และได้รับการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน และสมัครระดับการพักฟื้นที่องค์กรประกันสุขภาพสาธารณะ เพื่อที่จะสามารถเข้าพักในสถานพักฟื้นได้ ในระหว่างการพิจารณาระดับของการพักฟื้น ยังได้ดำเนินกิจกรรมระดมทุนฉุกเฉินเพื่อครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลตลอดจนค่าใช้จ่ายที่ต้องออกเองสำหรับค่าเข้าพักในสถานที่พักฟื้นได้ ท้ายที่สุดแล้วผมต้องการถามว่าองค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหาผลกำไรต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ไปอีกนานแค่ไหน    ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่านับครั้งไม่ถ้วน แต่เรื่องทั้งหมดก็ได้รับการจัดการแบบเงียบๆ แต่ตอนนี้คิดว่าคงทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว เริ่มด้วยการยื่นคำเรื่อง ร้องเรียนต่อกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการผ่านรายงานแห่งชาติ และมีการวางแผนที่จะรายงานไปยังสถานีวิทยุกระจายเสียงและจัดทำประชามติอย่างจริงจัง                                                                                                                          ครอบครัวหลากหลายวัฒนธรรมกับจุดบอดของสวัสดิการสังคม มีหญิงอพยพย้ายถิ่นโดยการสมรสที่อาศัยอยู่ตามลำพัง หลังจากหย่าร้างกับสามีชาวเกาหลีเนื่องจากความผิดของฝ่ายสามี และอยู่ในจุดบอดของสวัสดิการสังคม หญิงผู้อพยพรายนี้ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชาติชาวจีน และอาศัยอยู่ตามลำพังหลังจากการหย่าร้าง แต่สุขภาพของเธอไม่ค่อยจะดีและไม่สามารถทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างที่ควรจะเป็น ส่งผลให้เธอไม่สามารถชำระค่าเช่าเดือนละ 400,000 วอนและค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพขั้นพื้นฐานได้ ด้วยร่างกายที่เจ็บป่วยทำให้เธอทำงานนอกเวลาได้เพียงแค่สองสามวันเพื่อหาเงิน แต่เงินที่ได้มาก็ไม่เพียงพอกับการจ่ายค่าไฟฟ้าและค่าแก๊สที่ค้างชำระรวมไปถึงค่าเช่ารายเดือนด้วย หญิงอพยพย้ายถิ่นโดยการสมรสชาวจีนรายนี้ กำลังยอมแพ้เพราะต้องทนอยู่กับชีวิตแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมามาหลายปีแล้ว และมีความกังวลใจเป็นอย่างมากเมื่อนึกถึงกรณีของแม่และลูกสาวสามคนในซงพากู และการเสียชีวิตของแม่และลูกชายผู้หลบหนีออกจากเมืองชาวเกาหลีเหนือ อันเนื่องมาจากการอดอาหาร ในกวานอักกู  เมื่อสอบถามเกี่ยวกับผู้ได้รับเงินค่าครองชีพขั้นพื้นฐานที่ศูนย์ให้บริการประชาชนในท้องถิ่น และ 129 คอลเซ็นเตอร์ของกระทรวงสวัสดิการและอนามัย ซึ่งพวกเขากล่าวว่าไม่มีสิทธิ์ในการรับเงิน  การมีสิทธ์ในการรับเงินนั้น บุคคลนั้นจะต้องแปลงสัญชาติหรือมีลูกโดยกำเนิดจากการแต่งงานกับคนเกาหลีและกำลังอยู่ในระหว่างการเลี้ยงดูบุตร ผมได้ถามว่าหญิงอพยพย้ายถิ่นโดยการสมรส ที่หย่าร้างด้วยเหตุผลที่คนเกาหลีเป็นฝ่ายผิด ควรได้รับสิทธิ์ในการรับเงินค่าครองชีพขั้นพื้นฐาน แต่พวกเขายังคงพูดซ้ำไปซ้ำมาเหมือนนกแก้วที่ และบอกว่าไม่มีข้อความระบุไว้ในคู่มือ และบอกให้ไปขอความช่วยเหลือจากสถานทูตของผู้อพยพเอง ความเป็นจริงที่น่าละอายในยุคที่มีผู้ย้ายถิ่น 2 ล้านคน ซงอินซอน ประธานโกลบอลเซ็นเตอร์คยองกีโด องค์กรนิติบุคคล / www.1412.co.kr / 010-2756-3229
    • ภาษาไทย
    • ฯลฯ
    2021-08-07
  • คำแนะนำสำหรับผู้อพยพย้ายถิ่นฐานที่ต้องการหางานที่ดีกว่า,การผ่านการคัดเลือกรอบเอกสาร รอบที่ 1
      เมื่อวันที่ 1 เดือนมิถุนายนถึงวันที่ 21เดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา(บ.หุ้นส่วนจำกัด) พาพาย่า สตอรี่ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ สำนักข่าวหลากหลายวัฒนธรรมคยองกีโด ได้ดำเนินการคัดเลือกพนักงาน. พาพาย่าสตอรี่ได้มีการวางแผนให้บริการแพลตฟอร์มด้านข้อมูลทั้งหมดสำหรับชาวต่างชาติตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมโดยให้บริการด้านภาษา ทั้งหมด 5 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ, จีน เวียดนาม,รัสเซีย และไทย มีผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกทั้งหมด 61 คน คัดเลือกโดยผู้รับผิดชอบ ที่เหลือทั้งหมด 4 ภาษายกเว้นภาษาอังกฤษ ผู้สมัครแบ่งตามภาษาได้ดังนี้ ภาษาจีน37 คน, ภาษาเวียดนาม15คน, ภาษารัฐเซีย 7 คน และภาษาไทย2 คน.ในรอบการพิจารณาเอกสาร รอบที่ 1 มีคนตกรอบ 46 คน และเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีผู้เข้ารับการสัมภาษณ์ในรอบที่ 2 จำนวน 15 คน. และในที่สุด 4 คนก็ผ่านการคัดเลือกรอบสุดท้าย อยากจะกล่าวถึงประสบการณ์ในฐานะคณะกรรมการตัดสิน ในขั้นตอนการคัดเลือกพนักงานในครั้งนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้หางานชาวต่างชาติที่ต้องการหางานที่ดีกว่า   การคัดเลือกรอบเอกสาร รอบที่ 1 การคัดเลือกรอบเอกสาร รอบที่ 1 นั้น จะเป็นด่านแรกที่ผู้หางานทุกคนในเกาหลี ต้องผ่านคือการพิจารณาว่าผู้หางานมีประวัติการศึกษาและประสบการณ์ประเภทใด แน่นอนว่า ถ้าคุณเคยทำงานในบริษัทที่มีชื่อเสียงและสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงคุณจะเป็นฝ่ายได้เปรียบแต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ การสะสมประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสายงาน และประวัติการศึกษาที่ตรงตามสายงาน งานที่พนักงานได้รับมอบหมายให้ทำที่ พาพาย่าสตอรี่คืองานแปลซึ่งถือเป็นงานหลัก รองลงมาก็คือ บริการให้คำปรึกษา,การดูแลกระทู้และการดูแลระบบสมาชิก เป็นต้น ดังนั้นผู้ที่มากด้วยประสบการณ์ในด้านล่ามและการแปล จึงผ่านการคัดเลือกรอบเอกสาร รอบที่ 1 ได้โดยง่าย ถึงแม้ว่าคุณจะสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยดังในประเทศบ้านเกิด แต่คุณจะไม่สามารถผ่านการคัดเลือกรอบเอกสาร รอบที่ 1 ไปได้หากคุณไม่มีประวัติการศึกษาหรือทำงานในเกาหลี ตัวอย่างเช่น หลังจากจบการศึกษาระดับประถม ม.ต้น ม.ปลาย ไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัยในประเทศบ้านเกิดหญิงอพยพย้ายถิ่นฐานจากการสมรสA ทำงานด้านล่ามและการแปลเป็นเวลาสองปีในบริษัทเกาหลี แต่ว่าไม่มีประวัติการทำงานในชุมชนท้องถิ่น รวมถึงศูนย์ช่วยเหลือครอบครัวหลากหลายวัฒนธรรม ในกรณีของหญิงอพยพย้ายถิ่นฐานจากการสมรสส่วนใหญ่ ได้รับการศึกษาที่หลากหลายผ่านศูนย์ช่วยเหลือครอบครัวหลากหลายวัฒนธรรม เนื่องด้วยเหตุนี้จึงมีผู้ทำงานด้านอาสาสมัครในชุมชนท้องถิ่นจำนวนมากดังนั้นผู้สมัคร A ที่ไม่มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องจึงไม่ผ่านการคัดเลือกรอบเอกสาร แน่นอนว่าหากผู้สมัคร A มีประสบการณ์การทำงานอย่างโชกโชนในเกาหลี เธออาจจะผ่านการคัดเลือก แต่เธอไม่ได้ระบุประสบการณ์ในการทำงานอื่นๆลงไปเลย แต่ถึงแม้ว่าจะมากด้วยประสบการณ์ในชุมชนท้องถิ่น แต่ไม่มีวุฒิการศึกษาก็ไม่สามารถผ่านการคัดเลือกรอบเอกสารไปได้ ผู้สมัคร B ถึงแม้เขาจะโอ้อวดว่ามีประสบการณ์ในเกาหลีในฐานะผู้สอนภาษาจีน,ผู้สอนภาษาเกาหลี,ล่ามนำเที่ยว, เข้าร่วมการให้คำปรึกษากลุ่มการจ้างงาน และอื่นๆแต่ไม่มีการระบุในใบประวัติส่วนบุคคลว่าเขาเรียนโรงเรียนอะไร และเรียนอะไร ผู้สมัครท่านนี้ควรระบุไว้ในหนังสือแนะนำตัว ว่าถึงแม้จะมีวุฒิการศึกษาแต่เพราะเหตุใดถึงไม่ได้ระบุลงในประวัติส่วนบุคคล หรือเพราะเหตุใดจึงไม่มีวุฒิการศึกษา สิ่งหนึ่งที่ผู้สมัครพึงระวังในการเขียนหนังสือแนะนำตัวและ ประวัติส่วนบุคคลคือ ไม่ควรพิมพ์ผิด ผู้สมัคร C ส่งใบประวัติส่วนบุคคลโดยสะกดจาก'ฮยอนแดคอนซอล' เป็น 'ฮยอนแดคอลซอน' ซึ่งทำให้กรรมการผู้ตัดสินมึนงงกันพักใหญ่เพราะไม่เข้าใจว่าเขาต้องการสื่อถึงอะไร เช่นกันกับผู้สมัคร D ที่ถึงแม้ว่าเค้าจะมีวุฒิการศึกษาและประสบการณ์อันดีเยี่ยมแต่ก็ไม่สามารถผ่านการคัดเลือกในรอบเอกสารไปได้ เนื่องจากมีการพิมพ์ผิดมากเกินไป ผู้สมัครรายนี้สะกดจาก'ศูนย์ช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชนของชาวต่างชาติคยองกีโด' เป็น 'ศูนย์ช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชนของชาวต่างชาติ คย็อกกีโด' และ 'สมาคมคุณวุฒิพลเรือนระหว่างประเทศ' เป็น 'สมาคมคุณวุฒิพลเรือนขั้นสูง' นอกจากนี้ในหนังสือแนะนำตนเอง ยังมีการพิมพ์ผิดอย่างต่อเนื่อง เช่น 'ไปเรียนต่อต่างประทอศ' (ไปเรียนต่อต่างประเทศ) 'แปลหนังเสือ' (แปลหนังสือ) 'สิ่งที่ฉันเราเขียน' (สิ่งที่พวกเราเขียน) และ 'ออกมามา' (ออกมา)เป็นต้น มีการพิมพ์ผิดเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะงานที่ต้องทำการแปลเป็นส่วนใหญ่ ถ้ามีการพิมพ์ผิดในลักษณะนี้ จะต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่นอน ดังนั้น ชาวต่างชาติที่เขียนประวัติส่วนบุคคลและหนังสือแนะนำตนเอง จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบข้อผิดพลาดในเอกสารของตนผ่านทางครอบครัว หรือ ศูนย์สวัสดิการชาวต่างชาติ หรือศูนย์ช่วยเหลือครอบครัวหลากหลายวัฒนธรรม ยกเว้นผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือกรอบเอกสาร ในรอบที่ 1  ผู้สมัคร E มีประสบการณ์ในการทำงานเฉพาะในบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีประสบการณ์ในด้านล่ามหรืองานแปล หรือกิจกรรม ด้านสังคมท้องถิ่น แต่ก็ผ่านการคัดเลือกรอบเอกสารนั่นเพราะว่าเขาสอบผ่านการสอบเทียบวุฒิการศึกษาระดับประถมม.ต้นและม.ปลายในเกาหลีทั้งหมด เนื่องจากกรรมการตัดสินทราบดีว่า การที่หญิงอพยพย้ายถิ่นฐานจากการสมรส สอบผ่านการสอบเทียบวุฒิการศึกษาในเกาหลีทั้งหมดนั้นยากเพียงใด เพียงแค่ผ่านการทดสอบความถนัดระดับประถม ม.ต้น และม.ปลาย ก็เห็นได้ถึงความพยายามและความจริงใจของบุคคลนั้น อย่างไรก็ตาม บริษัทอื่นอาจไม่ได้ใช้มาตรฐานนี้ จริงอยู่ที่, ในกรณีของผู้สมัครชาวจีนอาจมีด้านที่ไม่ยุติธรรมสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าจะมีทั้งประสบการณ์และวุฒิการศึกษา แต่ด้วยความที่มีผู้สมัครเป็นจำนวนมาก จึงมีบางกรณีที่ผู้สมัครไม่ผ่านการคัดเลือกรอบเอกสาร ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกรอบเอกสาร รอบที่ 1 ภาษาจีนนั้นสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง,ปริญญาโท.เอก ,มีประสบการณ์การทำงานที่โดดเด่น และคะแนน TOEIC ในระดับสูง ฯลฯ เป็นต้น 김은혜 기자
    • ภาษาไทย
    • งาน
    2021-08-05
  • สตรีผู้อพยพจากการแต่งงานในคยองกีโด สนับสนุนผู้หญิงที่ดีขึ้นเพื่อเป็นพ่อแม่ที่ดีขึ้น
    <사진 경기도>   <한국어 http://www.danews.kr/news/view.php?no=6501>   การสรรหากิจกรรมสำหรับ 'การดูแลสตรีคยองกี'   จังหวัดคยองกีกำลังสรรหานักเคลื่อนไหวในแต่ละสาขาของ 'การดูแลสตรีคยองกี' ภายในวันที่ 25 เพื่อขยายการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในสังคมและเผยแพร่นโยบายและวัฒนธรรมความเท่าเทียมทางเพศ ศูนย์วิชั่นสตรีคยองกีวางแผนที่จะแบ่งการปกครองสตรีคยองกีออกเป็น 4 ด้าน (เครือข่าย)  ▲เครือข่ายสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยของผู้หญิง (นักเคลื่อนไหวด้านความปลอดภัยของสตรี) ▲เครือข่ายนักเคลื่อนไหวหญิง (กลุ่มรากหญ้าเล็กๆ ในจังหวัด สมาชิกในชุมชนหมู่บ้าน) ▲เครือข่ายแพลตฟอร์มหญิง (กิจกรรมทางเศรษฐกิจของผู้หญิง สมาชิกแพลตฟอร์มเริ่มต้น) ▲ 2030 Network (คนหนุ่มสาวอายุ 20-30 ปี) เป็นต้น นักเคลื่อนไหวที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับการฝึกอบรมเป็นเวลาหนึ่งปีเพื่อปรับปรุงการรับรู้เรื่องเพศสภาพและศักยภาพของนโยบาย นอกจากนี้ พวกเขายังดำเนินกิจกรรมและข้อเสนอแนะในการค้นพบนโยบายโดยใช้การติดตามและสำรวจ ตลอดจนบทบาทการสื่อสารระหว่างฝ่ายบริหาร สภา และผู้อยู่อาศัย และได้รับเงินช่วยเหลือเล็กน้อยตามกิจกรรมของพวกเขา วิธีการคัดเลือกตามสาขาขึ้นอยู่กับเครือข่ายสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยของผู้หญิง ในกรณีนี้ การคัดเลือกจะทำโดยไม่มีกระบวนการคัดกรองแยกตามคำแนะนำตามเมืองและเขต สำหรับ 3 สาขาที่เหลือ พลเมืองที่เหมาะสมกับลักษณะของแต่ละกลุ่มจะได้รับใบสมัคร และการคัดเลือกขั้นสุดท้ายจะทำผ่านการตรวจเอกสาร จำนวนผู้สมัครทั้งหมดประมาณ 200 คน โดยแต่ละสาขามีประมาณ 50 คน ระยะเวลารับสมัครทั้ง 3 สาขาที่จะคัดเลือกผ่านการคัดกรองเอกสาร ถึงวันที่ 25 กรกฎาคม คุณสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัครได้จากเว็บไซต์ของ Gyeonggi Women's Vision Center (https://www.gg.go.kr/woman) และส่งไปยังบุคคลที่รับผิดชอบทางอีเมลหรือสมัครทางออนไลน์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อศูนย์วิสัยทัศน์สตรีคยองกี (031-808-8013) การศึกษาลักษณะนิสัยสำหรับผู้ปกครองที่คาดหวังและผู้ปกครอง จังหวัดคยองกีจะดำเนินการศึกษาลักษณะนิสัย 'พ่อแม่ที่แท้จริงคยองกี-โด' สำหรับผู้ปกครองและผู้ปกครองที่คาดหวังในจังหวัดจนถึงเดือนกันยายน การศึกษานี้ซึ่งจัดโดยศูนย์ดูแลเด็กตอนเหนือของคยองกีโดจะจัดขึ้นที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก 18 แห่งในฮวาซอง และซีฮึงในจังหวัดผ่านแพลตฟอร์มการประชุมทางวิดีโอที่เรียกว่าซูม(zoom)  อย่างไรก็ตาม ศูนย์รับเลี้ยงเด็กบางแห่งยังมีการศึกษาแบบตัวต่อตัว การศึกษาคือ หน้าที่ของพ่อแม่▲ ความเข้าใจของเด็ก (อุปนิสัยและความผูกพัน)▲ ประกอบด้วยการบรรยายทั้งหมด 3 ครั้ง รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเด็ก (การแนะแนวพฤติกรรมปัญหา) ระยะเวลาการฝึกอบรมต่อการบรรยายประมาณ 120 นาที การบรรยายที่เริ่มในเดือน พฤษภาคม ของปีนี้จะเริ่มในครึ่งหลังของเดือนกรกฎาคมหลังจากครึ่งแรก (นักเรียน 223 คนเสร็จสมบูรณ์) ผู้ปกครองที่คาดหวังและผู้ปกครองของทารกและเด็กวัยหัดเดินที่ต้องการสมัครเพื่อการศึกษาสามารถสมัครได้หลังจากตรวจสอบตารางการศึกษาที่ศูนย์ดูแลเด็ก 18 แห่งที่กำหนดเป้าหมายเพื่อการศึกษา ในขณะเดียวกัน หลักสูตรคุณสมบัติการศึกษาลักษณะนิสัยของผู้ปกครองที่แท้จริงในคยองกีโดเป็นโครงการใหม่ที่ได้รับเลือกในการประกวดแนวคิดการศึกษาอุปนิสัยสำหรับทารก (ข้อเสนอนโยบาย)
    • 한국어
    • 행사
    • ภาษาไทย
    2021-07-19
  • “ใช้ระบบวีซ่าใหม่เพื่อประกันแรงงานต่างชาติที่ยอดเยี่ยม”
    <사진 기획재정부> <한국어 http://www.danews.kr/news/view.php?no=6487>   รัฐบาลได้ตัดสินใจที่จะลดอุปสรรคในการเข้าประเทศ เช่น การออกวีซ่า เพื่อให้ผู้มีความสามารถจากต่างประเทศที่ยอดเยี่ยมสามารถตั้งรกรากในเกาหลีและมีส่วนร่วมในสาขาเฉพาะทาง นอกจากนี้ เป้าหมายของการ์ดการเรียนรู้แห่งชาติในวันพรุ่งนี้จะขยายออกไปเพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถพัฒนาความสามารถในการทำงานเมื่อจำเป็น เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม  Hong Nam-ki ได้รับตำแหน่งรัฐบาลเป็นประธานรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุทธศาสตร์และการเงินที่ศูนย์ราชการกรุงโซล 'ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์และ ทิศทางการตอบสนอง' และ 'มาตรการใช้แรงงานต่างด้าวในยุคที่ประชากรลดลง' หารือและประกาศมาตรการรับมืออย่างเข้มข้น รัฐบาลคาดการณ์ว่าความเสี่ยงด้านประชากรหลัก 3 ประการจะทวีความรุนแรงขึ้นในปีนี้ ได้แก่ การลดลงของจำนวนประชากร การสูญพันธุ์ในภูมิภาค และสังคมสูงวัยที่กำลังใกล้เข้ามา ด้วยเหตุนี้ ความเสี่ยงหลัก 3 ประการจึงคาดว่าจะทำให้เกิดความตกใจครั้งใหญ่โดยทำให้เกิดแผ่นดินไหวที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของเกาหลี โดยเน้นถึงความสำคัญของการตอบสนองแบบเอารัดเอาเปรียบ เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ประการแรกรัฐบาลกลัวว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะซบเซาเนื่องจากศักยภาพในการเติบโตของเศรษฐกิจเกาหลีอ่อนแอลงเมื่อ ประชากรวัยทำงานลดลง และสิ่งนี้ทำให้เกิดการหยุดชะงักของการจัดหาแรงงาน ดังนั้นจึงมีการตัดสินใจที่จะขยายการมีส่วนร่วมของผู้หญิงและผู้สูงอายุในกิจกรรมทางเศรษฐกิจและลดอุปสรรคในการเข้าประเทศเพื่อให้กำลังคนต่างชาติที่ดีเยี่ยมสามารถไหลเข้าสู่เกาหลีได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะทบทวนการขยายเวลาเรียนชั้นประถมศึกษาเพื่อให้ผู้ปกครองสามารถดูแลบุตรหลานของตนที่โรงเรียนได้นานเท่าที่ต้องการ และขยาย 'บริการครบวงจรสำหรับการดูแลตลอดวัน' เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถเลือกและ ใช้บริการดูแลที่พวกเขาต้องการที่บ้าน เพื่อแบ่งเบาภาระในการดูแลครอบครัวที่มีเด็กประถมโดยการปรับปรุงบริการดูแลที่ไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับชั่วโมงเรียนปกติที่สั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ปกครอง โดยจะพิจารณาขยายชั่วโมงการศึกษาด้วย เช่น การเสริมทักษะทางวิชาการขั้นพื้นฐาน ศิลปะการแสดง และกิจกรรมกีฬาหลังเลิกเรียน และการเล่นฟรี ขยายระบบวีซ่าแรงงานต่างด้าว เพื่อกระตุ้นการไหลเข้าของพรสวรรค์จากต่างประเทศเข้าสู่เกาหลีเพื่อตอบสนองต่อการลดลงของกำลังแรงงาน การออกวีซ่าที่อยู่อาศัย (F-2) สำหรับผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มจะขยายออกและวีซ่าทำงานระยะไกลสำหรับความสามารถต่างประเทศที่มีไอที และ จะมีการขยายเทคโนโลยีไฮเทคที่ตรงตามข้อกำหนดบางประการ จึงตัดสินใจอนุญาตให้พำนักระยะยาวในเกาหลี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีการตัดสินใจที่จะแนะนำวิธีการเชิงลบสำหรับการออกวีซ่าทำงานในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มดี เป็นการขยายระยะเวลาการออกวีซ่าโดยเปลี่ยนจากวิธีการกำหนดผู้ได้รับอนุญาตให้ออกวีซ่า (วิธีบวก) เป็นวิธีการออกวีซ่าสำหรับวีซ่าทุกประเภทหากไม่ได้รับการยกเว้น (วิธีเชิงลบ) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แรงงานต่างด้าวที่ทำงานมาเป็นเวลานานในบริษัทในประเทศที่มีวีซ่าการจ้างงานที่ไม่ใช่อาชีพ (E-9) และวีซ่าเยี่ยมเยียน (H-2) มีสิทธิ์ได้รับการพำนักระยะยาวหากพวกเขามีรายได้ต่อปีและมีความสามารถทางเทคนิค . มีการตัดสินใจที่จะเปลี่ยนคุณสมบัติเป็น '-4)' คาดว่าจะง่ายขึ้นมากสำหรับแรงงานต่างชาติที่ไม่ใช่มืออาชีพในการเปลี่ยนวีซ่าสำหรับแรงงานที่มีทักษะ รัฐบาลยังได้ตัดสินใจที่จะส่งเสริมโครงการนำร่องวีซ่าเฉพาะภูมิภาคเพื่อเสริมกำลังแรงงานของรัฐบาลท้องถิ่นให้สอดคล้องกับการลดลงของจำนวนประชากรในท้องถิ่น
    • ภาษาไทย
    • วีซ่า
    2021-07-19

실시간 ภาษาไทย 기사

  • การซื้อรถคันแรกของผู้อาศัยชาวต่างชาติ, ควรพิจารณาอะไรบ้าง?
    “ผมเป็นแรงงานต่างชาติที่มาอยู่ในเกาหลีเป็นเวลา 3 ปี และได้รับเงินเดือนปีละ 25 ล้านวอน พอมาอยู่เกาหลีได้สักพักก็คิดจะซื้อรถยนต์และ ไปเที่ยวกับเพื่อน ดังนั้นผมก็เลยกำลังมองหารถมือสอง ก่อนซื้อรถควรพิจารณาอะไรบ้างครับ?” ปัจจุบันมีผู้อาศัยชาวต่างชาติกำลังซื้อรถมือสองมากขึ้นเรื่อยๆ เวลาซื้อรถท่านสามารถซื้อด้วยเงินสดหรือเงินผ่อนก็ได้ แต่การผ่อนรถมักจะ คิดดอกเบี้ยมากกว่าเงินกู้ทั่วไป ดังนั้นจะดีกว่าหากซื้อด้วยเงินสดถ้าเป็นไปได้ เมื่อท่านซื้อรถครั้งแรก จะคิดถึงแต่ราคาซื้อ แต่ท่านต้องจำไว้ว่าใช้เงินจำนวนมากไปกับการบำรุงรักษา เช่น ▲ประกัน ▲ภาษี ▲ค่าน้ำมัน และ ▲ค่าซ่อม อย่างไรก็ตาม หากท่านคิดว่าต้องการรถสักคันเพื่อชีวิตที่มีความสุขในเกาหลี อย่าลืม 3 ข้อต่อไปนี้ คำแนะนำ 3 ข้อนี้ ให้โดยคุณคิม คยองพิล จากห้องปฏิบัติการฝึกอบรมการเงินเกาหลี 1. ใช้เงินเพียง 5-7% ของเงินเดือนเป็นค่าบำรุงรักษารถและค่าโดยสาร 2. ราคารถซื้อภายในงบรวมของเงินเดือน 5-6 เดือนของท่าน 3. สำหรับครอบครัวพหุวัฒนธรรม พิจารณาว่าหากท่านซื้อรถแบบผ่อนชำระ วงเงินกู้จำนองของท่านอาจลดลงเมื่อซื้อบ้านในเกาหลี ในภายหลัง ตามคำแนะนำนี้ แรงงานต่างชาติที่มีเงินเดือนต่อปี 25 ล้านวอน ควรซื้อรถที่ราคาต่ำกว่า 12 ล้านวอน เป็นการดีที่จะใช้เงินประมาณ 1 แสนวอน ในการบำรุงรักษารถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โปรดจำไว้ว่าทุกตัวเลือกมาพร้อมกับราคาเสมอ หากท่านใช้เงินซื้อรถ ท่านต้องลดเงินที่ส่งกลับประเทศบ้านเกิดหรือ ค่าครองชีพในเกาหลี สัปดาห์หน้า เราจะแบ่งปันคำแนะนำที่จำเป็นในการซื้อรถมือสองกับผู้เชี่ยวชาญ Papaya Story
    • 한국어
    • 행사
    • ภาษาไทย
    2022-11-17
  • ครอบครัวพหุวัฒนธรรมที่เริ่มต้นครอบครัวหลังจากทำงานเป็นแรงงานต่างชาติที่ประสบความสำเร็จในเกาหลี
    สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อโฮซูจิน มาจากเมืองโฮจิมินห์ทางตอนใต้ของเวียดนาม ดิฉันเกิดและเติบโตในชนบทที่ยากจนของเมืองโฮจิมินห์ ครอบครัวของดิฉันลำบากทางการเงินและมีพี่น้องหลายคน ดิฉันเป็นลูกคนที่ 8 ในพี่น้องทั้งหมด 10 คน มีพี่สาวและพี่ชาย 7 คน กับน้องสาว 2 คน <รูปภาพ = Papaya Story> อาจเป็นเพราะว่าดิฉันมีพี่น้องหลายคน ดิฉันจึงโตเร็ว และดิฉันรับรู้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กว่าครอบครัวของเราอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เลยคิดว่าควรตั้งใจเรียน และเรียนให้จบจะได้ช่วยเหลือพ่อแม่ ด้วยเหตุนี้ดิฉันจึงใฝ่ฝันที่จะมาเกาหลีเพื่อหาเงิน และสุดท้ายก็มาที่เกาหลี ในฐานะแรงงานต่างชาติ   การเปลี่ยนวีซ่าจาก E-9 เป็น E-7 ตอนที่ดิฉันมาเกาหลีครั้งแรก มันเหนื่อยมากเพราะอากาศและอาหารแตกต่างจากบ้านเกิดของดิฉัน และนี่เป็นครั้งแรกที่ดิฉันอยู่คนเดียว ห่างไกลจากครอบครัว ดิฉันจึงคิดถึงบ้านเกิดและครอบครัวมาก การอยู่คนเดียวในเกาหลีอันไกลโพ้นและการทำงานกะกลางคืน ทำให้หัวใจและร่างกายของดิฉันป่วยด้วยความคิดถึง อย่างไรก็ตาม ดิฉันมีความฝัน และในขณะที่ดิฉันอดทนกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ดิฉันค่อยๆ คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในเกาหลี พอชินกับการใช้ชีวิตในเกาหลีทีละเล็กทีละน้อย ดิฉันก็คิดว่าควรใช้เวลานี้เรียนภาษาเกาหลี เพราะดิฉันทำงานกะกลางคืนในทำงาน และมีเวลาว่างช่วงกลางวัน ดังนั้นดิฉันจึงไปที่ศูนย์ช่วยเหลือครอบครัวพหุวัฒนธรรมและเรียนภาษาเกาหลีอย่างขยันขันแข็ง ต้องขอขอบคุณการเรียนภาษาเกาหลีอย่างหนัก ดิฉันได้คะแนนที่ดีในการสอบ TOPIK และสามารถเปลี่ยนวีซ่าเป็น E-7 ซึ่งเป็นวีซ่า การจ้างงานแบบมืออาชีพได้ ด้วยวีซ่านี้ทำให้สามารถอยู่ในเกาหลีได้นานขึ้น   แม้ว่าจะแต่งงานแล้วแต่ก็มีปัญหาอื่น ๆ ดิฉันไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานมาสักระยะแล้ว เพราะดิฉันต้องหาเงินไปเลี้ยงครอบครัวที่เวียดนาม แล้ววันหนึ่งดิฉันไปร้านทำผมเพื่อทำผม และเจ้าของร้านทำผมบอกว่าเขาจะแนะนำดิฉันให้รู้จักกับคนดีๆ คนที่จะแนะนำเป็นลูกค้าประจำของเจ้าของร้าน เขาเกิดปี 1985 อายุเท่ากันกับดิฉัน หลังจากนั้นไม่นานสามีของดิฉันก็ติดต่อมาว่าให้ มาเจอกัน และเราพบกันละแวกบ้าน ทานอาหารเย็นและไปร้านกาแฟ เพื่อพูดคุยกันมากขึ้น หลังจากเดทแรกแบบนี้ เราเริ่มคบกันโดยตั้งใจว่าจะแต่งงานกัน เราตกหลุมรักกันและแต่งงานกันหลังจากเจอกันได้ 6 เดือน เนื่องจากดิฉันอาศัยอยู่คนเดียวห่างจากครอบครัวเป็นเวลานาน ดิฉันตื่นเต้นและมีความสุขมากที่คิดว่าจะมีครอบครัวในเกาหลี แต่หลังจากแต่งงานแล้วมีเรื่องที่ยากลำบากเกิดขึ้นซึ่งแตกต่างออกไป   การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากดิฉันเป็นชาวต่างชาติ ดิฉันไม่เก่งภาษาเกาหลี ดังนั้นดิฉันคิดว่าดิฉันไม่เข้าใจสามีและแม่สามีว่าต้องการอะไร มีหลายครั้งที่แม่สามี ไม่ชอบดิฉันเพราะความเข้าใจผิดและความเสียใจ ดิฉันพยายามอย่างหนักในแบบของตัวเอง แต่มันแตกต่างจากลูกสะใภ้เกาหลี ดังนั้นดิฉัน จึงทะเลาะกับครอบครัวบ่อยมาก โดยเฉพาะทะเลาะกับสามีบ่อยครั้งเพราะเรามีแนวคิดเรื่อง “การเลี้ยงลูก” และ “วิธีการศึกษา” ที่แตกต่างกัน กล่าวกันว่าครอบครัวพหุวัฒนธรรมส่วนใหญ่มีความขัดแย้งทางความคิดเนื่องจากความแตกต่างทางภาษา, ขนบธรรมเนียม, และวิธีการ เลี้ยงดู ปัญหานี้ไม่ใช่แค่ปัญหาในครอบครัวของเราแต่เป็นปัญหาของครอบครัวพหุวัฒนธรรมทั้งหมด ดิฉันเลยคิดว่าควรเรียนภาษาเกาหลี ให้หนักขึ้น ดิฉันมั่นใจว่าถ้าเก่งภาษาเกาหลีการสื่อสารกับสามีหรือแม่สามีจะราบรื่นขึ้น จากนั้นเราจะเข้าใจกันและกันอย่างลึกซึ้งมากขึ้น และปัญหาที่เป็นเรื่องยากจะคลี่คลายไปทีละปัญหา การใช้ชีวิตในเกาหลีที่มีความสุขมากยิ่งขึ้น แม้ว่ามีช่วงขึ้นๆ ลงๆ แต่ตอนนี้ครอบครัวของดิฉันอยู่กันอย่างมีความสุขกับสามี, ดิฉัน, และลูกอีก 2 คน ในครอบครัวที่ปรองดองกัน บางครั้งดิฉันรู้สึกเศร้า แต่ถึงกระนั้นดิฉันก็ขอบคุณที่สามีและแม่สามีอยู่เคียงข้างเสมอและดูแลลูกสองคนที่มีค่าของดิฉันด้วยกัน ความปรารถนาของดิฉันคือขอให้บ้านของเราเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ ดิฉันหวังว่าท่านทั้งหลายจะมีสุขภาพ แข็งแรง และมีความสุขเสมอเช่นกัน
    • 한국어
    • 행사
    • ภาษาไทย
    2022-11-16
  • เริ่มต้นธุรกิจด้วยไอเทมทางธุรกิจที่ไม่เหมือนใครในเกาหลีและรับวีซ่าพร้อมตั้งถิ่นฐาน!
    งานนี้จัดขึ้นโดยกระทรวงเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพของเกาหลี ซึ่งเป็นโครงการที่สนับสนุนผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ที่ยอดเยี่ยมในการเริ่มต้นธุรกิจและตั้งถิ่นฐานในเกาหลี ทีมต่างชาติที่ชนะการแข่งขันครั้งนี้จะได้รับสิทธิพิเศษในการออกวีซ่าและเข้าร่วมในการฝึกงานตลอดจนเงินจำนวนมาก จะว่าไปแล้ว แรงงานต่างชาติที่ทำงานในเกาหลีหรือนักเรียนต่างชาติที่เรียนที่เกาหลีสามารถคิดหาวิธีจัดตั้งธุรกิจและตั้งถิ่นฐานในเกาหลีได้ และถ้าหากชนะการแข่งขันเช่น “K-สตาร์ทอัพ แกรนด์ ชาเลนจ์” ท่านจะสามารถรับวีซ่าเข้าประเทศเกาหลีและเริ่มต้นธุรกิจของตนเอง อย่างเป็นทางการ “K-สตาร์ทอัพ แกรนด์ ชาเลนจ์” รับใบสมัครจากทั่วโลกเป็นครั้งแรก ในปีนี้มีทีมเข้าร่วมทั้งหมด 2,653 ทีม จาก 122 ประเทศทั่วโลก เช่น จีน, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, อินเดีย, ฟิลิปปินส์, ฮ่องกง, สิงคโปร์ เป็นต้น โดยมีอัตราการแข่งขัน 52:1 ซึ่งสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ผลการแข่งขันปีในนี้ อันดับที่ 2 ที่ได้รับรางวัลเงินสด 70,000 ดอลลาร์ ตกเป็นของมายเฟิร์ส(My First) ของสิงคโปร์ ทีมมายเฟิร์สเปิดตัว “อุปกรณ์อัจฉริยะสำหรับ เด็กและโซลูชันการจัดการ” ในวันเดโม่เดย์(Demo Day)ในครั้งนี้ 30 ทีมชั้นนำ รวมถึง 10 ทีมที่ได้รับเงินรางวัล จะได้รับการสนับสนุนการตั้งถิ่นฐานเพิ่มเติม 12.25 ล้านวอน เป็นเวลาประมาณ 15 สัปดาห์ นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะให้การศึกษาเพิ่มเติม, เครือข่าย และพื้นที่สำนักงานฟรีสำหรับนักวางแผนธุรกิจในประเทศภายในครึ่งแรกของปีหน้า เพื่อพัฒนารูปแบบธุรกิจ
    • 한국어
    • 행사
    • ภาษาไทย
    2022-11-15
  • ข้อจำกัดด้านอสังหาริมทรัพย์ในเขตปริมณฑลได้รับการผ่อนคลายอย่างมาก... สัดส่วนสินเชื่อจำนองที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น^^
    มีข่าวดีสำหรับครอบครัวพหุวัฒนธรรมที่เป็นเจ้าของบ้านหรือต้องการซื้อบ้าน^^ <รูปภาพ = ข่าวยอนฮับ> รัฐบาลเกาหลีได้ยกเลิกพื้นที่ทั้งหมดทั่วประเทศ ยกเว้นโซล, คยองกี กวาชอน, ซองนัม (บุนดัง, ซูจอง), ฮานัม และควังมยอง จากพื้นที่ ควบคุมอสังหาริมทรัพย์ ความหมายที่สำคัญของการยกเลิกข้อจำกัดคือมีเงินกู้จำนวนมากที่สามารถรับบ้านเป็นหลักประกันได้ กระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐานและการขนส่ง ได้ประกาศเปิดตัวพื้นที่การกำกับดูแลเพิ่มเติมที่มีเนื้อหาเดียวกันในการประชุมรัฐมนตรี อสังหาริมทรัพย์ครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 10 เป็นผลให้ 9 พื้นที่ในจังหวัดคยองกีซึ่งถูกผูกติดอยู่กับเขตที่มีการเก็งกำไรมากเกินไปได้รับการยกเลิก โดยซูวอน, อันยาง, อันซานดันวอน, กูรี, กุนโพ, อึยวัง, ยงอิน ซูจี/กีฮึง และดงทัน 2 เป็นเป้าหมาย ในพื้นที่ที่มีการปรับเปลี่ยน 22 พื้นที่ ในจังหวัดคยองกี เช่น เขตโกยาง, นัมยางจู, คิมโพ, อึยวัง, อันซาน และควังกโย รวมถึงพื้นที่ในอินชอน ทั้งหมด (8 พื้นที่) และเซจง รวมทั้งหมด 31 พื้นที่ถูกยกเลิก ดังนั้น กรุงโซลทั้งหมดและมีเพียง กวาชอน, ซองนัม (บุนดัง, ซูจอง), ฮานัม และควังมยอง ยังคงเป็นพื้นที่ควบคุม 2 ส่วน ซึ่งรวมถึงเขต เก็งกำไรที่ร้อนเกินไป และเขตเป้าหมายที่มีการปรับ ????การยกเลิกข้อจำกัดหมายความว่าอย่างไร????? ในเกาหลีเป็นมาตรการของรัฐบาลสำหรับพื้นที่ที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ร้อนเกินไป มีกฎระเบียบ 3 ข้อที่บังคับใช้ ได้แก่ “เขตเก็งกำไร”, “เขตเก็งกำไรที่ร้อนเกินไป” และ “เขตเป้าหมายที่มีการปรับ” ข้อจำกัดที่ได้รับการคว่ำบาตรที่รุนแรงที่สุดคือเขตเก็งกำไร แต่เขตเก็งกำไรนั้นใช้ได้กับบางพื้นที่เท่านั้นเช่น กังนัมในกรุงโซล ข้อจำกัดที่เข้มงวดที่สุดถัดไปคือเขตการเก็งกำไรที่ร้อนเกินไป ในเขตเก็งกำไรที่ร้อนเกินไปจะใช้อัตราส่วนเงินกู้จำนอง (LTV) ซึ่งกำหนดวงเงิน สินเชื่อที่สามารถยืมได้เมื่อซื้อบ้าน หากราคาบ้านต่ำกว่า 900 ล้านวอน ท่านจะได้รับเงินกู้ 40% และสำหรับบ้านที่มีมูลค่ามากกว่า 900 ล้านวอน ท่านจะได้รับเงินกู้ 20% ซึ่งหมายความว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะซื้อบ้านพร้อมเงินกู้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นหลักการและข้อยกเว้นมีผลกับผู้ที่ไม่มีบ้านและเจ้าของบ้านเพียงหลังเดียว ทางที่ดีควรสอบถามกับนายหน้า อสังหาริมทรัพย์เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราส่วนเงินกู้จำนอง เพราะว่าเปลี่ยนบ่อยมาก แม้จะอยู่ในเขตเป้าหมายที่มีการปรับ ต่ำกว่า 900 ล้านวอน จะได้รับ 50% และมากกว่า 900 ล้านวอน จะได้รับ 30% ในเขตยกเลิกข้อจำกัดเหล่านี้โดยสมบูรณ์ ท่านสามารถกู้ยืมตามราคาบ้านได้มากถึง 90% เพื่อซื้อบ้าน วิลล่าบางหลังพร้อมให้บริการ 100% ตื่นเต้นไหม? แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับนักพัฒนาที่สร้างบ้านและสถาบันการเงินว่าจะเจรจากันอย่างไร Papaya Story
    • 한국어
    • 행사
    • ภาษาไทย
    2022-11-14
  • กระทรวงยุติธรรม, บังคับใช้ระบบพิเศษการเดินทางออกนอกประเทศโดยสมัครใจสำหรับชาวต่างชาติที่พำนักโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียน
    กระทรวงยุติธรรมประกาศว่าจะดำเนินการ “ระบบพิเศษการเดินทางออกนอกประเทศโดยสมัครใจสำหรับชาวต่างชาติที่พำนักอย่าง ผิดกฎหมาย” ซึ่งยกเว้นชาวต่างชาติที่พำนักอย่างกฎหมายที่เดินทางออกนอกประเทศโดยสมัครใจ ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. ถึง 28 ก.พ. ปี 2023 โดยยกเว้นค่าปรับและระงับการจำกัดการเข้าประเทศ <ในภาพคือเจ้าหน้าที่จากเมืองคิมโพและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอินชอนที่กำลังตรวจสอบหน่วยงานจัดหางานสำหรับแรงงานต่างชาติ. ศาลากลางคิมโพ> กระทรวงยุติธรรมกำลังดำเนินการตามระบบการเดินทางออกนอกประเทศโดยสมัครใจสำหรับชาวต่างชาติที่พำนักอย่างผิดกฎหมาย เกือบทุกปี และได้ดำเนินการอีกครั้งเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 6 เดือน นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการเมื่อต้นปีนี้ ระบบนี้ดำเนินการโดยคำนึงถึงสถานการณ์ของชาวต่างชาติที่ไม่สามารถกลับประเทศได้เนื่องจากเที่ยวบินไม่ปกติเพราะอิทธิพลของโควิด แม้ว่าจำนวนผู้เดินทางออกนอกประเทศโดยสมัครใจจะเพิ่มขึ้นหลังจากการปราบปรามชาวต่างชาติที่พำนักอย่างผิดกฎหมายของรัฐบาล ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา เนื้อหาหลักของ “ระบบพิเศษการเดินทางออกนอกประเทศโดยสมัครใจสำหรับชาวต่างชาติที่พำนักอย่างผิดกฎหมาย” มีดังนี้ ◆ (ระยะเวลา) 2022.11.7.(จันทร์) - 2023.2.28.(อังคาร) ◆ (เป้าหมาย) ชาวต่างชาติที่พำนักอย่างผิดกฎหมายทุกคนที่เดินทางออกนอกประเทศโดยสมัครใจ - ไม่รวมผู้อพยพที่ลักลอบนำเข้า, ผู้ใช้หนังสือเดินทางปลอม, ผู้กระทำความผิดทางอาญา, ผู้ฝ่าฝืนกฎกักกัน, การไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง การออกนอกประเทศ ◆ (ผลประโยชน์) ยกเว้นค่าปรับและการระงับข้อจำกัดการเข้าประเทศในกรณีที่ออกเดินทางโดยสมัครใจ กระทรวงยุติธรรมขอแนะนำอย่างยิ่งให้ใช้ระบบนี้เพื่อออกจากประเทศโดยสมัครใจ เนื่องจากชาวต่างชาติพำนักอย่างผิดกฎหมายที่ถูกจับได้ ว่าไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศโดยสมัครใจในช่วงเวลาดังกล่าว จะถูกปรับสูงสุด 30 ล้านวอนและเสริมการห้ามเข้าประเทศ. อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ควรทราบสำหรับชาวต่างชาติที่สมัครใจเดินทางออกนอกประเทศภายใต้ระบบนี้คือ การระงับการห้ามเข้าประเทศ ไม่ได้รับประกันการเข้าประเทศเกาหลีหลังจากออกนอกประเทศ หากท่านต้องการเข้าประเทศเกาหลีหลังจากออกนอกประเทศ ท่านยังคงต้องผ่านการคัดกรองวีซ่า และถึงแม้จะเป็นการยื่นขอวีซ่าปกติ และถูกกฎหมาย แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกปฏิเสธตามดุลยพินิจของสถานทูตเกาหลี Papaya Story
    • 한국어
    • 행사
    • ภาษาไทย
    2022-11-11
  • ‘เหนื่อยมามาก...ลำบากมามาก...’ ใช้เวลา 11 ปี ในการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในเกาหลี
    บทความต่อไปนี้เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการนำเสนอโดยคุณพัค มีฮยาง ซึ่งเป็นชาวจีน ที่นำเสนอเรื่องราวของเธอในการปรับตัวให้เข้ากับเกาหลี สำหรับผู้หญิงย้ายถิ่นจากการสมรสที่งาน “วันคืนสู่เหย้าของครอบครัวกุนโพ” ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จะแนะนำให้ท่านได้รู้ จักบทความที่แสดงให้เห็นชีวิตและความสุข รวมทั้งความหวังสำหรับอนาคตของผู้หญิงย้ายถิ่นจากการสมรสซึ่งมีปัญหาในการปรับตัวให้เข้า กับชีวิตในเกาหลี <รูปภาพ = Papaya Story> จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี ดิฉันชื่อ พัค มีฮยาง และดิฉันมาจากเสิ่นหยาง ประเทศจีน เป็นเวลา 11 ปีแล้วที่ดิฉันมาเกาหลี และกำลังเข้าสู่ปีที่ 10 ของการแต่งงาน ดิฉันเป็นชนกลุ่มน้อยชาวโชซ็อนในประเทศจีน ตั้งแต่เด็กดิฉันเข้าเรียนในโรงเรียนประถม, มัธยมต้น, และมัธยมปลายของชาวโชซ็อน มหาวิทยาลัยจบการศึกษาจากโรงเรียนในมณฑลซานตง ดิฉันเรียนเอกภาษาญี่ปุ่นตอนเรียนมหาวิทยาลัยและไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นทันทีหลังจากสำเร็จการศึกษา ดิฉันเรียนเอกภาษาญี่ปุ่นที่บัณฑิต วิทยาลัยของญี่ปุ่น หลังจากเรียนที่มหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นเป็นเวลา 4 ปี ดิฉันทำงานพาร์ทไทม์หลายอย่าง ดิฉันจ่ายค่าครองชีพ, ค่าเล่าเรียน, และค่าเรียนต่อต่างประเทศด้วยตัวเอง แม้ว่าจะลำบากแต่ก็สนุกมากๆ และเป็นช่วงที่ดิฉันเติบโตมากที่สุด การพบกันกับสามี ในปี 2011 ดิฉันติดต่อกับสามีคนปัจจุบันผ่านทางอีเมลโดยการแนะนำของเพื่อนคนหนึ่งในประเทศจีน ในเดือนพฤษภาคม ปี 2011 ดิฉันได้พบกับสามีที่มาญี่ปุ่นเพื่อเที่ยวชมเมืองนาโกย่าเป็นครั้งแรก เราไปเที่ยวด้วยกันแบบเพื่อน 3 คืน 4 วัน ดิฉันตกหลุมรักตั้งแต่ แรกเห็นเพราะสามีของดิฉันอยู่ด้วยแล้วสบายใจในตอนนั้น วันที่สามีกลับเกาหลี ดิฉันร้องไห้หนักมากเพราะเสียใจมาก หลังจากนั้น ดิฉันกับสามีก็เริ่มความสัมพันธ์ทางไกล โดยเดินทางไปมาระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่น ตอนนั้นดิฉันมีความสุขจริงๆ แต่ไม่มีใครอวยพรให้ดิฉันและสามีเลย สถานการณ์ของสามี เช่น การศึกษาและความมั่งคั่งไม่ค่อยดีนัก ดิฉันรู้สึกสบายใจและมีความสุข เมื่อสามีอยู่ด้วยไม่ว่าจะมีเงื่อนไขอะไร ดังนั้นหลังจากคบกันได้ 6 เดือน ดิฉันจึงสละชีวิตในญี่ปุ่นและมาเกาหลี ในช่วง 9 ปี ของการแต่งงาน สามีของดิฉันเรียนจบมหาวิทยาลัยในขณะที่ทำงานให้กับบริษัท และเงินเดือนของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เรามีบ้านและมีลูกชายที่แข็งแรงและน่ารัก ชีวิตในเกาหลี ดิฉันเรียนภาษาเกาหลีที่จีนตั้งแต่เด็ก ดังนั้นดิฉันจึงคิดว่าชีวิตในเกาหลีจะไม่ลำบากอะไร แต่เมื่อใช้ชีวิตจริงๆมันไม่ใช่เลย ใช้เวลานานและ ปรับตัวได้ยากเพราะภาษาและวัฒนธรรมแตกต่างกันมาก ก่อนอื่น ดิฉันรู้สึกได้ถึงอุปสรรคทางภาษา แม้ว่าดิฉันจะคุ้นเคยกับภาษาเกาหลีตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่เนื่องจากดิฉันไม่ได้ใช้ภาษาเกาหลี ในชีวิตประจำวัน ดิฉันจึงไม่ค่อยเก่งด้านสำเนียง, การเลือกภาษา, และการแสดงออก ตั้งแต่ดิฉันอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่น เมื่อดิฉันพยายามจะพูด ภาษาญี่ปุ่นหรือภาษาจีนก็ออกมาจากปากก่อน ในบางครั้งชาวเกาหลีถามดิฉันว่ามาจากญี่ปุ่นหรือเกาหลีเหนือ ดิฉันอายทุกครั้งที่พูดเกาหลี แต่เมื่อดิฉันเห็นผู้คน ดิฉันก็พยายามพูดต่อไป และก็เรียนภาษาเกาหลีไปพร้อมกับการดูข่าว เป็นผลให้ภาษาเกาหลีของดิฉันค่อยๆดีขึ้น ความว่างเปล่าและความเสียดาย ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ดิฉันลาออกจากบริษัทที่เคยทำงานมา 9 ปี และลาพักงาน 1 ปี หลังจากลาพักร้อนไป 1 ปี ลองมองย้อนกลับไป 11 ปีที่ผ่านมาในชีวิต ดิฉันก็เหลือแต่ความเสียดายและความว่างเปล่า เป็นเพียงว่าไม่มีความฝันสำหรับดิฉัน ตอนนี้ดิฉันกำลังพยายาม ทำความรู้จักว่าตัวเองเป็นใครและกำลังเริ่มมองหาสิ่งที่ดิฉันอยากทำจริงๆ ณ เวลานี้ของปีที่แล้ว ดิฉันไม่มีความฝัน 1 ปีผ่านไปและตอนนี้ดิฉัน มี 5 ความฝัน เมื่อดิฉันคิดถึงความฝันใหม่นี้ ดิฉันรู้สึกมีความสุขและหัวใจเต้นแรง 5 ความฝันของฉัน เนื่องจากโควิด ดิฉันจึงเริ่มการปีนเขากับลูกชายตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้วดิฉันได้ปีนเขาขึ้นไปทั้งหมด 27 ครั้ง จนถึงตอนนี้ มันสนุกและมีความสุขจริงๆ ที่ได้พูดคุยกับลูกชายขณะเดินป่า ในขณะที่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของภูเขาใน 4 ฤดูกาลของปี แม้ว่าดิฉันจะเป็นคุณย่า ดิฉันสัญญาว่าจะปีนเขา 100 ครั้ง 1000 ครั้งกับลูกชาย การปีนเขาได้กลายเป็นงานอดิเรกและความฝันร่วมกัน สำหรับดิฉันและลูกชาย เวลาดิฉันไปปีนเขาหรือออกไปเที่ยวดิฉันชอบถ่ายรูป ดิฉันถ่ายรูปเยอะมากดังนั้นรูปภาพจึงสนุก และรู้สึกภูมิใจมากเมื่อมีภาพชีวิตของออกมา ดิฉันต้องการซื้อกล้องมือสองในปีหน้าและพยายามจะเป็นช่างภาพมืออาชีพในอนาคต ดิฉันต้องการทำอัลบั้มแห่งความทรงจำอันล้ำค่าโดยใช้ ชีวิตประจำวันของลูกชายและครอบครัว นอกจากนี้ ในปีนี้ ดิฉันได้รับการแนะนำให้รู้จักกับจิตวิทยาด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมการเล่นบำบัดที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก เมื่อดิฉันเข้าสู่จิตวิทยา ดิฉันพบว่าดิฉันมีความนับถือตนเองต่ำและรู้สึกหดหู่เล็กน้อย ดังนั้นดิฉันจึงเริ่มรับการรักษาและรับคำปรึกษาโรคซึมเศร้า นอกจากนี้ยังมีการรับคำปรึกษาคู่รัก ดิฉันได้รู้จักหัวใจที่เจ็บปวดของสามีผ่านการให้คำปรึกษาในชีวิตสมรส และดิฉันก็มีกล้ามเนื้อหัวใจ ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ชีวิตแต่งงานในปัจจุบันของดิฉันดีขึ้น ดิฉันอยากเป็นนักบำบัดการให้คำปรึกษาสำหรับครอบครัวโดยการเรียนจิตวิทยา ในอนาคต ดิฉันยังชอบเขียน ในอนาคตดิฉันอยากจะเขียนเกี่ยวกับการปีนเขากับลูกชาย, ขั้นตอนการเป็นช่างภาพ, ขั้นตอนการเป็นที่ปรึกษาทาง จิตวิทยา และความฝันของดิฉันคือทำหนังสือของตัวเองก่อนอายุ 60 ปี เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ดิฉันเรียนการเขียนโค้ดด้วยตัวเอง หลังจากเขียนโค้ดแล้ว ดิฉันต้องการสร้างเว็บไซต์ให้ลูกชาย ในเว็บไซต์นั้นดิฉันต้องการ บันทึกการเติบโตของลูกชายด้วยรูปถ่ายที่สวยงามและบทความ “เหนื่อยมามาก ลำบากมามาก” ดิฉันอาศัยอยู่ในเกาหลีค่อนข้างดุเดือดมา 11 ปีแล้ว จากนี้ไปดิฉันอยากใช้ชีวิตที่เหลือด้วยการพักผ่อนบ้างเพื่อความสุขของตัวเอง และสุดท้ายสำหรับดิฉัน “มีฮยาง เธอเหนื่อยมามากเพื่อปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในเกาหลี ลำบากมามากแล้วขอบคุณนะ” ดิฉันอยากจะพูด ตลอดชีวิตที่เหลือ ดิฉันจะพยายามใช้ชีวิตตามความฝันเล็กๆ ทีละอย่างๆ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ขอบคุณค่ะ    
    • 한국어
    • 행사
    • ภาษาไทย
    2022-11-10
  • เมื่อไม่มีใครดูแลลูก รัฐบาลเกาหลีจะส่งผู้ช่วยมาให้!
    บริการดูแลเด็กคืออะไร? บริการดูแลเด็ก หมายถึง บริการดูแลเด็กที่ผู้ช่วยดูแลเด็กจะมาที่บ้านเพื่อดูแลบุตรของท่าน ในกรณีที่ผู้ปกครองไม่สามารถดูแลบุตรของตนได้ เนื่องจากทำงานทั้งคู่ เป็นต้น บริการดูแลเด็กมี 2 ประเภทหลัก ได้แก่ บริการดูแลทารกแบบเต็มวันและบริการายชั่วโมง  <รูปภาพ = กระทรวงความเท่าเทียมทางเพศสตรีและครอบครัว> “บริการายชั่วโมง” บริการายชั่วโมงสำหรับเด็กอายุ 3 เดือนขึ้นไป ถึงต่ำกว่า 12 ปี ค่าธรรมเนียมการใช้งาน ▲(แบบพื้นฐาน) 15,550 วอนต่อชั่วโมง ▲(แบบครอบคลุม) 13,720 วอนต่อชั่วโมง ไม่ต้องจ่ายเต็มจำนวน ขึ้นอยู่กับประเภทของ 가~다 จำนวนเงินที่จ่ายจะแตกต่างกันไปตั้งแต่ 1,582 วอน ถึง 8,967 วอน สำหรับประเภทพื้นฐาน ชั่วโมงการสนับสนุนของรัฐบาลคือ 840 ชั่วโมงต่อปี แต่ท่านสามารถใช้บริการได้โดยออกค่าใช้จ่ายเอง แม้ว่าจะเกินชั่วโมงสนับสนุนของ รัฐบาลก็ตาม อย่างไรก็ตามมีค่าธรรมเนียมช่วงกลางคืนและวันหยุด ดังนั้นท่านต้องตรวจสอบเมื่อใช้งาน ประเภทพื้นฐานประกอบด้วย กิจกรรมการดูแลทั่วไป เช่น การไปและกลับโรงเรียน และประเภทครอบคลุมคือประเภทพื้นฐานและรวมบริการทำความสะอาด เช่น การเตรียมอาหารสำหรับเด็กและล้างจาน เป็นต้น “บริการดูแลทารกแบบเต็มวัน” บริการดูแลทารกแบบเต็มวันเป็นบริการสำหรับทารกอายุ 3 เดือน ถึง 36 เดือน ชั่วโมงสนับสนุนของรัฐบาลคือ 200 ชั่วโมงต่อเดือน และค่าธรรมเนียม 15,550 วอนต่อชั่วโมง บริการดูแลทารกแบบเต็มวันรวมถึงการป้อนอาหารทารก, การเปลี่ยนผ้าอ้อม, และการอาบน้ำ ไม่รวมงานบ้าน สำหรับบริการอื่นๆ จำเป็นต้อง ปรึกษากับผู้ให้บริการ นอกจากนี้ยังมี “บริการช่วยเหลือเด็กที่ติดเชื้อ” ซึ่งใช้เมื่อเด็กทั่วไปที่ไม่ได้ใช้บริการดูแลเด็กป่วยกะทันหันและจำเป็นต้องกลับบ้าน วิธีการใช้บริการดูแลเด็ก หากต้องการใช้บริการดูแลเด็ก ท่านต้องมีบัตรความสุขแห่งชาติ(บัตรกุ๊กมินแฮงบ๊ก) หากท่านมีบัตรความสุขแห่งชาติอยู่แล้ว สามารถใช้ บริการกับบัตรที่มีอยู่ได้ หากไม่มีบัตร สามารถสมัครผ่านเว็บไซต์บริษัทบัตรหรือคอลเซ็นเตอร์ บริการดูแลเด็กแยกตามประเภทครัวเรือนตามมาตรฐานรายได้และการสนับสนุนจากรัฐบาล ในบรรดาครอบครัวที่มีช่องว่างในการดูแลเด็ก ครัวเรือนที่มีรายได้เฉลี่ยน้อยกว่า 150% จะสอดคล้องกับประเภท ‘가~다’ ท่านสามารถสมัครสวัสดิการประกันสังคมได้ที่ดงจูมินเซ็นเตอร์และรับการสนับสนุนจากรัฐบาลเมื่อตัดสินใจเลือกประเภท ‘가~다’ แล้ว ครอบครัวที่ไม่มีช่องว่างในการเลี้ยงดูบุตร (เช่น แม่บ้านเต็มเวลา) หรือครัวเรือนที่มีรายได้มัธยฐานมาตรฐานเกิน 150% จะสอดคล้องกับ ประเภท ‘라’ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสมัคร กรุณาเข้าไปที่เว็บไซต์บริการดูแลเด็ก (http://www.idolbom.go.kr)  Papaya Story
    • 한국어
    • 행사
    • ภาษาไทย
    2022-11-09
  • จะเกิดอะไรขึ้นหากผู้อาศัยชาวต่างชาติเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่ได้รับเงินบำนาญแห่งชาติคืน?
    ผู้อาศัยชาวต่างชาติทุกคนที่ทำงานในเกาหลีจะต้องจ่ายเงินบำนาญแห่งชาติ จำนวนสมาชิกชาวต่างชาติมีถึง 320,000 คน ในปี 2020<รูปภาพ = ข่าวยอนฮับ> ในปัจจุบัน เมื่อสมาชิกชาวต่างชาติส่วนใหญ่ออกจากเกาหลี พวกเขาจะร้องขอเงินคืนเป็นก้อนจากเงินบำนาญแห่งชาติและจะได้รับเงินคืน ทั้งหมดที่จ่ายไป สามารถรับดอกเบี้ยต่ำถึง 2% แต่หากออกจากเกาหลีโดยไม่ได้ร้องขอรับเงินก้อนคืนล่ะ?  เราพยายามคำนวณว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเงินบำนาญแห่งชาติที่จ่ายโดยชาวต่างชาติทั้งหมดถูกเหลือไว้ตามเดิม ท่านก็คงสงสัยเหมือนกัน ใช่ไม่ ^^   แม้ได้รับแค่ 10 ปี ก็เกินจำนวนเงินที่จ่ายไป หากชาวต่างชาติเกิดวันที่ 1 มกราคม 1990 เข้าประเทศเกาหลีเมื่ออายุ 22 ปี เริ่มจ่ายเงินบำนาญแห่งชาติในเดือนพฤษภาคม 2012 จะเกิด อะไรขึ้นหากจ่ายเงินบำนาญแห่งชาติภายในเดือนมิถุนายน 2022 และเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดโดยไม่ได้รับเงินก้อน? ???? หากผู้อาศัยชาวต่างชาติท่านนี้ยังคงได้รับเงินเดือนเดือนละ 2 ล้านวอน แสดงว่าเขาได้จ่ายไปแล้ว 180,000 วอน (บริษัทจ่ายครึ่งหนึ่ง)  ซึ่งคิดเป็น 9% ของรายได้ในปีนี้ เป็นเวลา 10 ปี 2 เดือน ถ้าเป็นเช่นนั้น จำนวนเงินทั้งหมดที่ชำระโดยชาวต่างชาติรายนี้เป็น 21,960,000 วอน หากเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่ได้รับเงินก้อน จะมีสิทธิเรียกร้องเงินบำนาญชราภาพจากรัฐบาลเกาหลีตั้งแต่เดือนมกราคม 2055 เมื่อชาวต่างชาติอายุ 65 ปี หากสมัครเงินบำนาญในเดือนมกราคม 2055 กับองค์กรบำนาญแห่งชาติ ท่านจะได้รับ 292,360 วอนต่อเดือน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ อาจดูเหมือนเล็กน้อย แต่หลังจาก 10 ปี จำนวนเงินทั้งหมดที่ได้รับเพิ่มขึ้นเป็น 35,083,200 วอน ซึ่งมากกว่าจำนวนเงินที่จ่ายไปมาก หากได้รับเงินรายปีเป็นเวลา 20 ปี จำนวนเงินทั้งหมดของจะเพิ่มขึ้นเป็น 70,166,400 วอน สุดยอดไปเลย~ ดังนั้นจึงอาจเป็นวิธีที่ดีในการเตรียมตัวสำหรับการเกษียณอายุของท่านโดยการออกนอกประเทศโดยไม่ได้รับเงินบำนาญแห่งชาติคืนเป็นก้อน แน่นอนว่าในท้ายที่สุดจะตัดสินโดยพิจารณาจากจำนวนเงินบำนาญที่ได้รับและอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารประเทศบ้านเกิดจ่ายให้  ถ้าเช่นนั้น จะเกิดอะไรขึ้นหากชาวต่างชาติเสียชีวิตก่อนได้รับเงินบำนาญแห่งชาติหรือเสียชีวิตขณะรับเงินบำนาญ? ครอบครัวผู้เสียชีวิต สามารถรับเงินบำนาญขั้นพื้นฐานได้ 40% เป็นเงินบำนาญของครอบครัวผู้เสียชีวิต (60% หากเป็นสมาชิกประกันมากกว่า 20 ปี) อาจกล่าวได้ว่าเงินบำนาญแห่งชาติของเกาหลีจ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ มาก ดังนั้นผู้อาศัยชาวต่างชาติควรพิจารณา แผนบำนาญแห่งชาติอีกครั้ง ที่จริงแล้ว ท่านสามารถรับเงินบำนาญแห่งชาติในเกาหลีได้ตั้งแต่ปีที่อายุ 65 ปี หากเป็นสมาชิกประกันมากกว่า 10 ปี หากระยะเวลาการสมัครสมาชิกน้อยกว่า 10 ปี จะสามารถรับเงินคืนได้เพียงเงินก้อนเท่านั้น    Papaya Story 
    • 한국어
    • 행사
    • ภาษาไทย
    2022-11-09
  • ‘บ้านจัดสรรสาธารณะ’ ที่จะเป็นโอกาสทองสำหรับครอบครัวพหุวัฒนธรรมในการซื้อที่อยู่อาศัย
    นี่เป็นเรื่องราวของ “แผนการจัดหาบ้านสาธารณะ 500,000 หลัง เพื่อความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยสำหรับคนวัยหนุ่มสาวและประชาชนทั่วไป” ที่ประกาศโดยรัฐบาลเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ในบรรดาประเภทของการจัดสรร 3 ประเภทที่รัฐบาลประกาศ ▲ ประเภทแบ่งปัน ▲ ประเภททางเลือก ▲ ประเภททั่วไป เราจะพิจารณาประเภทการจัดสรรที่เป็นประโยชน์สำหรับครอบครัวพหุวัฒนธรรม~ “บ้านประเภทแบ่งปัน” เมื่อท่านซื้อบ้านประเภทแบ่งปัน ท่านสามารถซื้อได้ในราคาขายน้อยกว่าราคาตลาด 70% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขอเงินกู้สูงสุด 500 ล้านวอน (LTV สูงถึง 80%) สามารถซื้อได้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำที่ 1.9% - 3.0% โดยมีระยะเวลาครบกำหนดสูงสุด 40 ปี ตัวอย่างเช่น หากท่านซื้อบ้านที่มีราคาขายแบ่งขาย 500 ล้านวอน ท่านสามารถกู้ยืมได้ 400 ล้านวอน ในอัตราดอกเบี้ย 1.9 - 3.0% ต่อปี เป็นเวลา 40 ปี ดังนั้นต้องมีเงินก้อนใหญ่เพียง 100 ล้านวอนเท่านั้น ที่น่าแปลกใจกว่านั้นคือท่านต้องอยู่อาศัยเป็นเวลา 5 ปี และหลังจากผ่านช่วงเวลานี้ไปท่านสามารถขายคืนให้กับสาธารณะ (รัฐบาล หรือ รัฐบาลท้องถิ่น) แล้วท่านจะได้กำไร 70% (30% เป็นของสาธารณะ)ไม่น่าแปลกใจเหรอ? ถ้าท่านขายบ้านจัดสรรสาธารณะในราคา 500 ล้านวอน ซึ่งซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดตั้งแต่ต้น และขายอีกครั้งเมื่อราคาถึง 700 ล้าน หลังจาก 5 ปี ท่านจะเป็นเจ้าของเงิน 140 ล้านวอน จากเงิน 200 ล้าน แน่นอนว่าหลังจาก 5 ปี ท่านสามารถอยู่ที่นั่นต่อไปได้หากต้องการ นั่นเป็นเหตุผลที่บ้านประเภทแบ่งปันเรียกว่า “บ้านลอตเตอรี” ว่ากันว่าเฉพาะผู้ที่ได้รับการจัดสรรเท่านั้นที่สามารถชนะแจ็คพอตได้  “บ้านประเภททางเลือก” บ้านประเภททางเลือกคือ “อพาร์ทเมนต์ให้เช่าประเภทการแปลงการขาย” คล้ายกับบ้านให้เช่าสาธารณะ 5 ปี และ 10 ปีที่มีอยู่ หลังจากอยู่มาได้ 6 ปี ท่านสามารถเลือกได้อย่างอิสระว่าจะขายหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาระการย้ายเข้าครั้งแรกนั้นต่ำ ครึ่งหนึ่งของราคาบ้านจ่ายเป็นเงินมัดจำ อีกครึ่งหนึ่งจ่ายเป็นค่าเช่ารายเดือน แต่เงินฝากมีอัตราดอกเบี้ยลดลง 1.7% ถึง 2.6% สำหรับเงินกู้แบบจอนเซและค่าเช่ารายเดือนเพียง 70 ถึง 80% ของราคาตลาด “บ้านประเภททั่วไป” ไม่มีอะไรพิเศษที่จะพูดถึงเพราะบ้านประเภททั่วไปเหมือนกับการขายอพาร์ทเมนต์ที่มีอยู่ อย่างไรก็ตามการขายอยู่ที่ 80% ของราคาตลาด และให้กู้ยืมเงินสูงถึง 400 ล้านวอน สำหรับคู่แต่งงานใหม่ และ 200 ล้านวอน สำหรับการซื้อบ้านครั้งแรก รัฐบาลกำลังวางแผนที่จะเริ่มขายบ้านจัดสรรสาธารณะรูปแบบใหม่ตั้งแต่สิ้นปีนี้ กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมจะจัดหา ครัวเรือนทั้งหมด 15,555 ครัวเรือน จากปลายปีถึงครึ่งปีหลังของปีหน้า เป็น 3 ประเภทที่กล่าวมาข้างต้น ในกรณีของบ้านประเภทแบ่งปัน จะจัดหาให้คนโสดวัยหนุ่มสาว (15%), คู่แต่งงานใหม่ (40%), ผู้ที่ซื้อบ้านครั้งแรก (25%) และอุปทานทั่วไป (20%) และบ้านประเภททางเลือกจะจัดหาให้กับวัยหนุ่มสาว (15%), คู่แต่งงานใหม่ (25%), ผู้ที่ซื้อบ้านครั้งแรก (20%), บุตรหลายคน (10%), หน่วยงานแนะนำ (15%), ผู้ปกครองสูงอายุ (5%), อุปทานทั่วไป (10%) เป็นต้น หน่วยงานแนะนำนั้น รวมถึงข้อกำหนดพิเศษสำหรับ ครอบครัวพหุวัฒนธรรมอีกด้วย คงจะดีสำหรับครอบครัวพหุวัฒนธรรมที่จะนำสถานการณ์นี้มาพิจารณาและท้าทายในการขอทำสัญญาที่อยู่อาศัย~^^    Papaya Story
    • 한국어
    • 행사
    • ภาษาไทย
    2022-11-07
  • เงินสดที่สามารถพกติดตัวเมื่อเข้าเกาหลีจากต่างประเทศมีวงเงินจำกัดเท่าไหร่?
    <คำถาม> ชาวต่างชาติสามารถนำเงินสดเข้าเกาหลีจากต่างประเทศได้เท่าไหร่? <รูปภาพ = ข่าวยอนฮับ> <คำตอบ> วงเงินจำกัดของเงินสดที่ชาวต่างชาติหรือชาวเกาหลีสามารถนำมาจากต่างประเทศเมื่อเข้าประเทศเกาหลีคือ 10,000 ดอลลาร์ ต่อ 1 คน สามารถนำเงินเข้าได้มากถึง 20,000 ดอลลาร์ ถ้าเข้าประเทศพร้อมกับแม่ 2 คน เงินสดที่เกินมา 10,000 ดอลลาร์ จำเป็นต้องแจ้ง การแจ้งไม่มีข้อเสียในการจ่ายภาษีหรือถูกสอบสวน บทลงโทษสำหรับการไม่รายงานคืออะไร? หากท่านมีเงินสดมากกว่า 10,000 ดอลลาร์ และเดินทางเข้าประเทศโดยไม่ได้รายงาน ท่านอาจถูกปรับหรือถูกริบเนื่องจากละเมิด พระราชบัญญัติธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หากไม่เกิน 30,000 ดอลลาร์ จะถูกปรับสำหรับความประมาท และหากเกิน 30,000 ดอลลาร์ จะถูกลงโทษทางอาญา วิธีการรายงานจำนวนเงินส่วนเกินทำได้อย่างไร? เมื่อเข้าประเทศต้องกรอกใบแจ้งสัมภาระของผู้เดินทาง ในรายการข้อ 3 ของเอกสารนี้มี “แจ้งการสำแดงเงินตราต่างประเทศ” ในใบแจ้งการสำแดงเงินตราต่างประเทศให้ทำเครื่องหมาย “ใช่” และป้อนจำนวนเงิน หลังจากมาถึงสนามบินแล้วหากระเป๋า เดินทางและเข็นรถเข็นไปยังที่ยื่นใบแจ้ง หลังจากส่งแบบฟอร์มใบแจ้งที่นี่ ท่านต้องได้รับ “หนังสือรับรองการสำแดงเงินตราต่างประเทศ” หนังสือรับรองการสำแดงเงินตราต่างประเทศจะใช้เป็นการยืนยันเมื่อใช้บริการธนาคาร ดังนั้นโปรดนำติดตัวไปด้วย หลังจากออกจากโถงผู้โดยสารขาเข้าแล้ว หนังสือรับรองการสำแดงเงินตราต่างประเทศไม่สามารถออกได้ ดังนั้นท่านต้องรับที่นี่ สนามบินอินชอน เทอร์มินอล 1(T1) หน่วย 1 สัมภาระที่สนามบิน โทร.032-722-4422 Papaya Story
    • 한국어
    • 행사
    • ภาษาไทย
    2022-11-04
비밀번호 :